Thursday, June 25, 2009

About Koh Lipe

About Koh Lipe
Welcome to paper island
Koh Lipe (sometimes referred to as Koh Leepeeh or Koh Leepay)is a small island in the Southern Thai province of Satun, and is situated in the Andaman Sea. The island is part of the Tarutao National Marine Park, a large group of over 70 islands. Koh Lipe is part of a smaller cluster of 10 island, about 70 kilometres off shore. All of the islands can be visited on day trips, and the largest island in the group, Koh Adang, has bungalows ran by the National Park Authority. The name "Koh Lipe" means paper Island in the local Chao Ley(or Urak Lawoi or Sea Gypsy) language.
High & Low Season
From November until May daily ferries connect Koh Lipe to Pak Barra, Langkawi, Koh Lanta, Trang, Koh Ngai, Koh Muk and Koh Bulon. From may until November weekly ferries service Koh Lipe from Pak Barra. Most ferries depart from Pak Barra, a small fishing town close to Satun. Peak season on Koh Lipe is December and January, when advanced bookings are recommended and the island completely fills up.
Life is a beach
Popular activities on Koh Lipe are snorkelling and diving. There is good snorkelling straight off the beaches, but the best spots can be seen on the popular day trips that visit a few locations in a day, combined with a pick nick on a beautiful beach. There are several dive shops, and many resorts rent out snorkel gear and can arrange boat trips. We also arrange daily snorkelling trips from our travel shop on Koh Lipe.
Pattaya, Sunset and Sunrise Beach
There are 3 main beaches on Koh Lipe: Pattaya Beach, Sunset Beach and Sunrise Beach. The first one is the most popular and has a wide variety of places to stay, drink and eat. Sunrise Beach has quite a few resorts as well as a small Chao Ley (Sea Gypsies) Village with some basic shops and small eateries. Sunset beach is the smallest beach and has only has a couple of places to stay. Take a look at our island map to get a better picture



ข้อมูล เกาะหลีเป๊ะ
เกาะหลีเป๊ะ, รีสอร์ท เกาะหลีเป๊ะ, Lipeh, Koh Lipe, Koh Leepe

ปัจจุบันหมู่เกาะตะรุเตาเป็นที่รู้จักกันในหมู่นักท่องเที่ยวว่า เป็นแหล่งชมปะการังอ่อนที่สวยงามที่สุด หมู่เกาะตะรุเตาได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 โดยรวบรวมเกาะน้อยใหญ่กว่า 50 เกาะเข้ามาอยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติ ตั้งชื่อว่า อุทยานแห่งชาติตะรุเตา อันประกอบด้วยเกาะใหญ่ๆ ได้แก่ เกาะตะรุเตา เกาะอาดัง เกาะราวี เกาะหลีเป๊ะ ในบรรดาทุกเกาะที่กล่าวมานี้มีเกาะตะรุเตาเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และเป็นที่ตั้งที่ทำการอุทยานตะรุเตา ส่วนเกาะอื่นๆ นั้นกระจุกตัวอยู่บริเวณใกล้เคียงกันเรียกว่า หมู่เกาะอาดัง บ้างก็เรียกรวมๆ ว่าเกาะอาดัง-ราวี อันประกอบด้วย เกาะอาดัง เกาะราวี เกาะหลีเป๊ะ เกาะหินงาม เกาะผึ้ง เกาะดง เกาะหินซ้อน ซึ่งแต่ละเกาะล้วนมีความสวยงาม และจุดเด่นที่แตกต่างกัน บางจุดอุดมสมบูรณ์ไปด้วยปะการังอ่อน บางจุดมีแต่กัลปังหามากมาย และอีกจุดกับมีแต่ปะการังแข็ง โลกใต้น้ำที่นี่สวยงามมากๆ เดี๋ยวผมจะพาทุกท่านไปชมกันว่าเป็นอย่างไร

การเดินทางไปเที่ยวทะเลตะรุเตาจะต้องเริ่มจากท่าเรือปากบารา การเดินทางมีให้เลือกหลายวิธี ทั้งเรือเร็วโดยสารขนาดใหญ่ หรือเรือโดยสารธรรมดา เรือเหมา คณะของเราเลือกที่จะเดินทางโดยเรือเร็ว ซึ่งเป็นเรือเฟอรี่ขนาดใหญ่ จุดหมายของเราคือ หมู่เกาะอาดัง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.5-2 ชั่วโมง ซึ่งถ้าเป็นเรือธรรมดาจะต้องใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เรือเริ่มเคลื่อนตัวออกจากท่าเรือปากบาราอย่างช้าๆ เมื่อผ่านพ้นปากคลองเข้าสู่เขตน้ำลึก เรือเริ่มทำความเร็วตามปกติเหมือนที่เคย เช้านี้อากาศแจ่มใส คลื่นลมข้างสงบ เรือทำความเร็วได้ดี และวิ่งได้นิ่งมาก นักท่องเที่ยวกำลังเพลิดเพลินกับการดูทีวีในห้องผู้โดยสารที่ติดแอร์เย็นฉ่ำ บ้างก็นั่งหลับ ผมเลือกที่จะขึ้นไปนั่งตากลมชมวิวบนดาดฟ้า เมื่อมองออกไปเบื้องหน้าเห็นเทือกเขาดำทมึนอยู่กลางทะเล นั่นล่ะ เกาะตะรุเตา

เกาะตะรุเตา เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่สุด จากหัวเกาะถึงท้ายเกาะมีระยะทางถึง 26 กิโลเมตร อยู่ห่างจากฝั่งปากบารา 16 กิโลเมตร บนเกาะมีป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีน้ำตก มีลำธารที่มีน้ำตลอดทั้งปี แต่ก่อนเกาะนี้เคยเป็นสถานที่กักขังนักโทษการเมือง ในปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ เราเพียงแค่ผ่านไปไม่ได้แวะ จุดหมายของเราอยู่โน่น... เกาะอาดัง ห่างจากเกาะตะรุเตาไปอีก 40 กิโลเมตร เรือวิ่งเลาะมาตามแนวเกาะตะรุเตา มองเห็นวิวหน้าผาหินซ้อนทับกันเป็นซั้นๆ ดูยิ่งใหญ่ และแปลกตา พอเรืออ้อมพ้นแนวเขาก็เห็นแนวชายหาดที่สวยงาม จุดนี้คือ อ่าวพันเตามะละกา เป็นอ่าวที่อยู่ด้านหน้าที่ทำการอุทยานฯ เป็นสถานที่พักผ่อน เล่นน้ำ ของนักท่องเที่ยวที่พักบนเกาะนี้

ความงดงามกลางทะเล
เรือวิ่งมาถึงจุดกึ่งกลางระหว่างเกาะตะรุเตา กับ เกาะอาดัง มีเกาะเล็กๆ อยู่ 3 เกาะ เรียกว่า เกาะกลาง หนึ่งในเกาะเล็กๆ นั้นคือ เกาะไข่ เกาะไข่ มีสัญลักษณ์ที่โดดเด่นคือ เป็นที่ตั้งของซุ้มประตูหินธรรมชาติ อันเป็นสัญลักษณ์ของตะรุเตา นอกจากจะมีซุ้มประตูหินแล้ว เกาะไข่ยังมีชายหาดที่สวยงาม หาดทรายขาวละเอียดตัดกับสีน้ำทะเลเขียวเข้มในแนวน้ำตื้นที่เบื้องล่างเป็นพื้นทราย ถัดออกไปเป็นสีน้ำเงินเข้มจนเกือบม่วงเป็นเขตแนวน้ำลึก เกาะไข่มีแนวชายหาดถึงสามด้าน คือ ด้านทิศตะวันตก ทิศตะวันออก และด้านทิศใต้ ยกเว้นด้านทิศเหนือ หรือ ด้านหลังซุ้มหิน ซึ่งเต็มไปด้วยก้อนหินระเกะระกะ แนวหาดทรายทิศตะวันตก และ ทิศใต้ ถูกคลืนซัดมาพบกันที่กลางน้ำเกิดเป็นสันทรายยาวลงไปในทะเล ทั้งสองด้านของหาดทรายเหมาะสำหรับเล่นน้ำมากเพราะน้ำไม่ลึก

เรือออกจากเกาะกลางไม่นานนักก็มาถึงจุดหมายปลางทาง ณ จุดจอดเรือหน้าหาดพัทยา 2 เดี๋ยวอย่าเพิ่งตกใจนะว่าอยู่ฝั่งทะเลตะรุเตาแล้วมาโผล่ที่พัทยาได้อย่างไร? หาดพัทยา 2 ที่ว่าเนี่ยคือ หาดของเกาะหลีเป๊ะ ที่เรียกว่าหาดพัทยา 2 อาจจะเป็นเพราะว่า มีชายหาดโค้งเว้าเหมือนหาดพัทยา หรือไม่ก็อาจจะมีฝรั่งเยอะ หรือไม่ก็บาร์เบียร์ เกาะหลีเป๊ะแห่งนี้ เป็นศูนย์กลางของความสะดวกสบายของการท่องเที่ยวทะเลตะรุเตา ที่นี่มีที่พักหลายระดับไว้บริการ ทั้งห้องพัดลม ห้องแอร์ หรือแม้กระทั่งลานกางเต็นท์ มีร้านอาหาร มีบาร์ มีเธค ด้านหน้าเกาะ หรือ ด้านทิศใต้มีหาดพัทยา 2 เป็นหาดทรายขาวละเอียด แต่น่าเสียดายที่มีขยะเยอะไปหน่อย ทางด้านหลังเกาะมีหาดทรายสวย และเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม แต่การลงเล่นน้ำ หรือวิ่งเล่นชายหาดนี้ต้องระวังกันหน่อย เพราะบริเวณชายหาดมีเศษขวดแตกเยอะ หาดทรายก็ขาว ขยะก็เยอะ ขวดแตกก็เยอะ ก็ต้องระวังนิดนึง

บนเกาะเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านกลุ่มชาวเลในอดีตที่มีการตั้งชุมชนมานานกว่า 100 ปี เมื่อมีการประกาศจัดตั้งอุทยานฯ ในภายหลังจึงไม่ได้ผนวกเกาะนี้เป็นส่วนหนึ่งของอุทยาน เมื่อเกิดกิจกรรมการท่องเที่ยว เกาะหลีเป๊ะจึงเกิดการพัฒนาจนกลายเป็นศูนย์กลางความเจริญ ศูนย์กลางการท่องเที่ยว และเป็นศูนย์กลางความสะดวกสบายสำหรับการท่องเที่ยวทะเลตะรุเตา เกาะหลีเป๊ะใช้เป็นแหล่งที่พักอาศัย ไม่มีแนวปะการัง การดำชมปะการรังจะต้องออกเรือไปดำที่จุดดำน้ำจุดอื่นที่อยู่ไม่ไกลกัน

เกาะอาดัง จุดหมายของเราอยู่ด้านหลังกาะหลีเป๊ะห่างออกไปเพียง 1.6 กิโลเมตร เรือหางยาวจากเกาะอาดังมาจอดเทียบเรือใหญ่รอรับคณะของเรา เมื่อขนถ่ายสัมภาระลงเรือเสร็จก็มุ่งหน้าสู่เกาะอาดัง เมื่อเรืออ้อมพ้นแนวเกาะหลีเป๊ะ ก็เห็นแนวหาดทรายของเกาะอาดังอยู่เบื้องหน้า ที่นี่คือชายหาดแหลมสน เป็นจุดที่ตั้งศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีบ้านพัก มีลานกางเต็นท์ บรรยากาศที่นี่เงียบสงบ เพราะเป็นเกาะของอุทยานแห่งชาติ จึงไม่มีการตั้งชุมชน ชายหาดแหลมสนทอดตัวยาวอยู่ทางด้านหน้าเกาะทางทิศตะวันออก ติดกับชายหาดคือลานกางเต็นท์ที่อยู่ใต้ป่าสนชายหาด

จากจุดนี้ในตอนเช้าจะเห็นวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม บริเวณนี้ใช้เป็นที่พักอาศัย เหมาะสำหรับการพักผ่อนชายหาด เล่นน้ำ เดินเล่น ผูกเปลนอนอ่านหนังสือ นั่งเล่นกับแฟน นอนเล่นชายหาด นอนดูดาวในยามค่ำคืน วิ่งไล่ปูลม ที่นี่เงียบสงบ ปลอดภัยไม่มีชุมชน ยามค่ำคืนจะมีเจ้าหน้าที่อุทยานเข้าเวรดูแลความสงบเรียบร้อย บริเวณหน้าเกาะไม่มีแนวปะการัง หากต้องการดำน้ำชมปะการังจะต้องนั่งเรือออกไปดำชมตามจุดต่างๆ ที่อยู่ใกล้เคียง

ได้เวลาออกเรือไปดำชมปะการังกันแล้ว เช้านี้จะพาไปดำชมปะการังอ่อนหลากสีที่ร่องน้ำจาบัง อยู่ห่างออกเกาะอาดังประมาณ 5 กิโลเมตร นั่งเรือเดี๋ยวเดียวก็ถึง จาบังมีลักษณะเป็นกองหินใต้น้ำมี 5 ยอด แต่ละยอดตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน ยอดเขาใต้น้ำ 4 ใน 5 ยอดนั้นปกคลุมด้วยปะการังอ่อนที่มีสีสันสวยงาม อีกทั้งฝูงปลาก็เยอะ นอกจากนี้ยังมีดาวขนนกเกาะอยู่มากมาย ดอกไม้ทะเลก็มี ปลาการ์ตูนนีโมก็มี ปะการังจุดนี้อยู่ในระดับความลึกไม่มาก หากเป็นช่วงที่น้ำลงต่ำสุดจะตื้นจนเหยียบถึง ดังนั้นหากดำในช่วงนี้ต้องพยายามหลีกเลี่ยงการเหยียบบนยอดกองหิน ถ้าหากลงดำในช่วงน้ำขึ้นสูงระดับความลึกก็จะเหมือนดังภาพบน เป็นระดับความลึกที่ไม่มากสามารถชมปะการังได้อย่างชัดเจน

อุปสรรคของการดำน้ำที่จุดนี้คือ ความแรงของกระแสน้ำ นักท่องเที่ยวจะต้องเกาะเชือกไว้ตลอดเวลาที่ดำชม มิฉะนั้นจะหลุดลอยไปตามกระแสน้ำ และปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือทัวร์เรือใหญ่ที่มักมาจอดบนยอดกองหินเพื่อปล่อยให้นักท่องเที่ยวของตนลงดำน้ำตรงจุด ทำให้แนวปะการังสวยๆ บางยอดไม่สามารถเข้าไปดำชมได้ เนื่องจากมีเรือใหญ่จอดขวางอยู่ เมื่อบางยอดไม่สามารถชมได้จึงทำให้นักท่องเที่ยวไปกระจุกตัวแออัดอยู่จุดเดียว เป็นผลทำให้เกิดความชุลมุนวุ่นวาย ดังนั้นจึงขอฝากทัวร์เรือใหญ่ว่าพยายามหลีกเลี่ยงการทำแบบนี้เพราะไม่ควรทำ

เหนื่อยกันหรือยังครับ ถ้ายังเดี๋ยวจะพาย้ายจุดไปดำอีกจุดหนึ่ง จุดนี้สวยงามไม่แพ้กัน และที่สำคัญคือ คนไม่เยอะไม่ชุลมุนวุ่นวายเหมือนที่จาบัง ทั้งนี้เป็นเพราะแนวปะการังที่จุดนี้อยู่กระจายทั่วไปตามพื้นหินที่ท้องทะเล ทำให้ไม่เกิดการกระจุกตัวของนักท่องเที่ยวเหมือนที่จาบัง ซึ่งเป็นจุดดำเพียงจุดเดียว จุดนี้คือ จุดดำน้ำที่เกาะหินซ้อน อยู่ห่างออกไปจากจุดเดิม 10 กิโลเมตร

ชื่อเกาะเรียกตามลักษณะของก้อนหินซ้อนที่ซ้อนทับกันว่า เกาะหินซ้อน เป็นอีกจุดหนึ่งที่เป็นไฮไลท์ของอุทยานตะรุเตา เมื่อมาถึงเรือจะพาอ้อมเกาะเพื่อชมลักษณะของหินซ้อน เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เก็บภาพกัน เกาะนี้เป็นเล็กขนาดเล็ก มีลักษณะเป็นภูเขาหินที่โผล่พ้นน้ำมีต้นไม้ขึ้นปกคลุมนิดหน่อย ไม่มีชายหาด ความสวยงามของเกาะหินซ้อนคือโลกใต้ทะเลที่สวยงาม เมื่อจุ่มหน้าลงน้ำก็จะได้เห็นปะการังก่อนหลากสีกระจายอยู่ทั่วไปตามพื้นหินใต้น้ำ

เหนื่อยแล้วครับ เมาเรือด้วย ขึ้นพักผ่อนชายหาดกันก่อนครับ บริเวณนี้มีชายหาดให้เที่ยวชมหลายแหล่ง เรียกได้ว่า เที่ยวกันไม่รู้จักเบื่อ ที่เกาะราวีมีหาดทรายขาว เป็นหาดที่มีชื่อเสียง ด้านหน้าหาดเหมาะกับการเล่นน้ำ ชายหาดไม่ลาดเทมาก เล่นน้ำได้อย่างปลอดภัย นอกจากเกาะราวีแล้วก็ยังมีชายหาดสวยๆ ที่เกาะอื่นอีกหลายจุดแล้วแต่ว่านักท่องเที่ยวจะสะดวกที่ไหน ที่เกาะอาดังก็มีหาดสวย แต่การลงเล่นน้ำต้องระวังนิดหน่อย เพราะแนวชายหาดลาดเทมาก ไม่ควรลงเล่นเวลาน้ำขึ้นเพราะอาจจะโดนคลื่นดูดลงไปในเขตน้ำลึกได้ นอกจากเล่นน้ำแล้วอีกกิจกรรมหนึ่งที่น่าสนใจคือเดินเล่นชายหาดยามเย็นเป็นบรรยากาศที่ดีมาก

หายเหนื่อยแล้วไปเที่ยวกันต่อ จะพาไปดำชมปลาการ์ตูนนีโม ปลาการ์ตูนมีให้ชมทุกจุดดำน้ำ แต่ถ้าต้องการเห็นปลาการ์ตูนแบบใกล้ๆ ต้องเลือกจุดดำ จุดแรกอยู่ที่อ่าวโนเนมไม่มีชื่อ จุดนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยกอดอกไม้ทะเล ที่ไหนมีดอกไม้ทะเลที่นั่นมักจะมีปลาการ์ตูน ที่จุดนี้มีปลาการ์ตูนนีโมเยอะมากๆ ถ้าชอบดำชมปลาการ์ตูนรับรองไม่ผิดหวัง แต่ปะการังอื่นๆ ไม่ค่อยสวย ถ้าต้องการชมปะการัง และปลาการ์ตูนต้องไปดำที่เกาะราวี ที่เกาะราวีมีจุดดำน้ำอยู่บริเวณหน้าหาด แนวปะการังไม่กว้างมากนักแต่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยปะการังแข็งมากมายอยู่ในระดับน้ำตื้น ดอกไม้ทะเลและปลาการ์ตูนพอมีให้ชมหลายกอ ปลาสิงโตก็พบเห็นได้บ่อยที่จุดนี้

นอกจากนี้ยังมีปลารับแขก คือ ปลาการ์ตูนลายปล้องหางเหลือง ทุกครั้งที่ลงดำที่จุดนี้ก็จะเห็นปลาการ์หางเหลืองว่ายออกมาโชว์ตัวทุกครั้ง การชมปลาการ์ตูนในเขตน้ำตื้นควรชมด้วยความระมัดระวัง อย่าไปไล่จับมัน เพราะเป็นการรังแกเจ้าของบ้าน และอีกอย่างหนึ่งคือ พวกคนขับเรือมักจะดำลงไปจับปลาการ์ตูนนีโมขึ้นมาใส่ขวดให้นักท่องเที่ยวดู พอนักท่องเที่ยวเห็นก็ทำเป็นตื่นเต้น ทำให้ผู้ที่จับปลาการ์ตูนมีกำลังใจที่จะจับให้คณะอื่นดูต่อไป แต่รู้มั๊ยว่าปลาการ์ตูนที่โดนจับมามีโอกาสรอดเกือบเป็นศูนย์ ทั้งนี้เพราะว่าปลาการ์ตูนมีภัยอยู่รอบด้าน ที่ร้ายกาจคือปลานกแก้วที่คอยจับปลาการ์ตูนกิน ดังนั้นปลาการ์ตูนจึงต้องอาศัยหลบอยู่ในกอดอกไม้ทะเล เมื่อเราจับปลาการ์ตูนขึ้นมาดูบนเรือแล้วปล่อยไป มันก็คงไม่รอดเพราะกว่าที่มันจะไปหากอดอกไม้ทะเลเจอก็คงโดนปลาอื่นจับกินไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะหากอดอกไม้ทะเลเจอก็ใช่ว่าจะรอดเพราะกอดอกไม้ทะเลคือบ้านของปลาการ์ตูนตัวอื่น ซึ่งหวงรัง เมื่อมีปลาตัวอื่นเข้าไปก็จะไล่กัด สุดท้ายก็ต้องหนีออกมาโดนปลานกแก้วจับกิน ดังนั้นจึงไม่ควรจับปลาการ์ตูนขึ้นมาจากกอดอกไม้ทะเล และหากเห็นคนขับเรือ หรือ เด็กเรือจับขึ้นมาก็ให้ตำหนิเขา เพื่อว่าต่อไปเขาจะได้ไม่ทำอีก

จุดดำน้ำข้างเกาะผึ้ง เป็นจุดดำน้ำอีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจ จุดเด่นคือ ปะการังอ่อน และ กัลปังหาสีสวยหลายสี ที่ขึ้นอยู่บริเวณเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีปะการังแข็งอยู่เป็นจำนวนมาก

No comments:

Post a Comment

Sawasdee - Willkommen auf der offiziellen Homepage des Thailändischen Fremdenverkehrsamtes: Satun

  • Kok Lipe Thailand

Followers